ชนะทุกข์ สุขก็มา
ถ้าคุณคิดว่ารักแล้วจะต้องครอบครอง
รักแล้วจะต้องอยู่คู่กันนิรันดร หรือรักแล้วจะต้อง….อื่นๆ อีกมากมาย
เพียงแค่คุณก็ทุกข์เสียแล้ว ความรักเพิ่งเริ่มก่อตัวเป็นวุ้น
แต่คุณกลับคาดหวังไปไกลถึงดาว เคยลองถามคู่รักของคุณบ้างหรือเปล่าว่าเขาอยากไปไกลถึงดวงดาวพร้อมกับคุณหรือเป่ลา
เมื่อไม่ใช่สุดท้ายก็เกิดปัญหาทุกคู่
หากเพียงมองรอบตัวด้วยใจเปิดกว้าง ด้วยมุมมองที่เป็นบวก
คุณรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่คุณเคยคาดหวังเมื่อมองกลับไปอีกครั้งคุณอาจบอกตัวเองว่า
ทำไมตอนนั้นเราจึงเลือกที่จะจมปลักอยู่กับความทุกข์ ทั้งๆ
ที่เราสามารถเอาชนะความทุกข์ที่เกิดขึ้นได้
โดยผู้ที่จะฉุดคุณขึ้นมาจากบ่อแห่งความทุกข์นั้นก็คือตัวคุณเอง
คำถามนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณได้เอาชนะความทุกข์นั้นมาได้แล้ว แต่ ณ
เวลาที่ยังไม่สามารถฉุดใจขึ้นมาได้ อยากให้คุณลองอ่าแล้วลองปฏิบัติตามคำแนะนำ
ชนะทุกข์ สุขก็มา เอาชนะทุกข์ที่เกิดจากความรัก
แล้วคุณจะลุกขึ้นยืนได้อย่างสมศักดิ์ศรี พร้อมด้วยความภาคภูมิใจว่า
ฉันสามารถเอาชะทุกข์ปัญหาที่เกิดจากความรักได้ด้วยพลังของตัวเอง รักตัวเองเสียบ้าง
ก่อนให้ความรักกับคนที่ไม่เห็นคุณค่า
ความรักเป็นความรู้สึกดีๆที่ก่อเกิดขึ้นมาในหัวใจของเรา
เป็นสิ่งที่ใครต่างปรารถนาจะครอบครองแม้บางครั้งความรักอาจทำร้ายจิตใจของเราบ้าง
แต่มันก็คุ้มค่าพอที่จะยอมแลก เพื่อความสุขในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานหรือเพียงช่วงเวลาสั้นๆ
คนส่วนใหญ่ปรารถนาความรัก แต่น้อยคนนักที่จะเข้าใจคำว่ารักอย่างแท้จริง
จึงไม่หน้าแปลกที่บางครั้งความทุกข์จะเข้ามาวนเวียนในชีวิตรัก
มันคงดีไม่น้อยหากเรามีความรักโดยปราศจากความทุกข์ใดๆ
เมื่อคนรักของเราจากไปกะทันหัน
การพลัดพรากจากลาคนที่เรารักอย่างไม่มีวันกลับนั้น
อาจเป็นเรื่องที่คนธรรมดาอย่างเรายอมรับได้
หากการสูญเสียเป็นไปตามอายุขัยหรือวงจรของชีวิต เราคงทำใจยอมรับได้อย่างไม่ยากเย็นเพราะอย่างน้อยเราเองก็ตระหนักอยู่เสมอถึงกฎแห่งการเปลี่ยนแปลง กฎที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถหลีกหนีได้ แต่หากการสูญเสียนั้นก็อาจสร้างความเจ็บปวดทางใจให้กับเราอย่างมากที่สุด หยาดน้ำตาที่หลั่งรินอาบสองข้างแก้ม คงเป็นสิ่งที่สะท้อนให้คนทั่วไปเห็นว่า เราเจ็บปวดและเสียใจมากแค่ไหน
หัวใจของเราแทบสลายเมื่อรู้ว่าคนที่เรารักจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
และเราจะเป็นทุกข์กับการสูญเสียคนที่เรารัก เราอาจจะร้องห่มร้องไห้ใจแทบขาดเมื่อสิ่งที่เรากับเขาวาดหวังไว้ต้องพังทลายลง
เราอาจแทบสิ้นสติเมื่อความรักที่เรามีให้กับเขาได้ดับสลายไปพร้อมกับความสูญเสีย เราอาจคิดว่าการตายคือการสิ้นสุดของชีวิต
และเมื่อเรานำตัวเองเข้าไปผูกติดกับชีวิตของคนที่เรารัก เราก็จะพบว่ามันช่างยากเหลือเกินที่จะดำเนินชีวิตต่อไปโดยปราศจากคนรักของเรา
จริงอยู่ที่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ แต่หากเราไม่ยอมเปิดใจที่จะเรียนรู้ถึงความจริงของชีวิต แล้วเราจะเข้าใจชีวิตได้อย่างไร ความจริงที่ว่าเราทุกคนต่างต้องเผชิญกับความสุข ความทุกข์
ความเศร้าโศก
และความผิดหวังในชีวิต
การปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ไม่เคยทำให้เราพบกับความสุขอย่างแท้จริง
หากแต่เรากำลังสร้างวังวนแห่งความทุกข์มาล้อมกรอบจิตใจของเราเอง
ความสุขในรูปแบบของมนุษย์จึงอยู่ที่การเรียนรู้ อยู่ที่การยอมรับความเปลี่ยนแปลง และพร้อมจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีสติ
คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเสียน้ำตาให้กับคนนี่เรารัก เพราะเราก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก
มีความผูกพัน
แต่หากเราปล่อยให้ความอาลัยนั้นเข้ามาบั่นทอนชีวิตและจิตใจให้เศร้าหมอง คนที่เรารักก็อาจจากไปอย่างเป็นทุกข์แล้วเราจะยอมให้คนรักของเราจากไปอย่างไม่สงบงั้นหรือ
การตายแม้จะเป็นจุดจบของชีวิต
แต่นั่นไม่ใช่การสลายหายไปจากโลกใบนี้
คนรักของเรายังคงอยู่ แต่อาจไม่ได้อยู่กับเราก็เท่านั้นเอง หากเราเรียนรู้ชีวิตอย่างดีแล้ว เราจะพบว่าชีวิตคือการเวียนว่ายตายเกิด เกิดแล้วดับ
ดับแล้วเกิด
การตายจึงเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ของชีวิต เพราะฉะนั้นมันคงไม่มีประโยชน์อะไรหากเราจะจมอยู่กับความทุกข์เพราะมัวอาลัยอาวรณ์คนรัก
หลงรักคนมีเจ้าของ
ความรักที่เราสอบให้กับคนที่เรารักแต่ไม่เคยได้รักกลับมานั้น ย่อมทำให้เราทุกข์ใจเสมอ
แม้ความรักจะก่อให้เกิดทุกข์อย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ แต่หากเราลองคิดทบทวนให้ดี
เราจะพบว่าตัวเราเองที่เป็นผู้ก่อทุกข์จากความรัก ทุกข์เพราะปรารถนาความรักจากคนที่เรารัก ทุกข์เพราะไม่กล้าเปิดเผยใจให้ใครรู้ ทุกข์เพราะคนๆนั้นไม่เห็นคุณค่าของการกระทำของเราคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะ
“หว่านพืชเพื่อหวังผล”
เพราะมันเป็นกฎของธรรมชาติ
หากเราปรารถนาให้คนอื่นเชื่อใจ
เราต้องซื่อสัตย์กับเขาเสียก่อน
หากเราปรารถนาให้คนอื่นเห็นค่าในตัวเรา
เราก็ต้องปฏิบัติกับคนอื่นอย่างมีค่าเช่นกัน แต่กฎทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น เช่นเดียวกับกฎแห่งความรัก
หากสิ่งที่เราทำไปทั้งหมดนั้นเพื่อปรารถนาความรักจากเขา เราจะไม่มีวันพ้นทุกข์ทางใจได้ เพราะเรานำชีวิตตัวเองไปผูกติดกับ “การเปลี่ยนแปลงทางใจ”
เมื่อใดที่เราได้รับผลตอบแทนทางใจที่ตอบสนองความพอใจของเรา เมื่อนั้นเราจะยินดีมีความสุข แต่เมื่อใดที่เราขาดทุนทางใจ ความรักที่มอบให้เขาไม่ได้รับการตอบสนอง เมื่อนั้นเราจะติดกับดักแห่งความทุกข์
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทำไมเราถึงปล่อยอารมณ์ของตัวเองให้ล่องลอยไปตามกระแสลม ในเมื่อเราเองสามารถควบคุมอารมณ์ของเราได้ ความรักไม่ใช่เรื่องของการแลกเปลี่ยนระหว่างใจกับใจเท่านั้น
มันมีความหมายมากกว่าการแลกเปลี่ยนทางรูปธรรม ความรักเป็นพลังที่ค่อยๆ ถ่ายโอนความารู้สึกดีๆ
ระหว่างกันและกันจนกว่าคนสองคนจะสัมผัสถึงความรักที่สมดุลฉันเองก็เคยเป็นคนหนึ่งที่หลงรักคนมีเจ้าของแล้ว
ตอนนั้นฉันได้แต่หวังว่าเขาจะมีใจให้ฉันบ้าง
ฉันไม่ได้หวังให้เขาเปลี่ยนใจมาชอบเลยเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง
ฉันคงรู้สึกผิดมากที่ทำให้เขาต้องเลิกรากับคนรัก สิ่งที่ฉันทำได้ในตอนนั้นคือ
พยายามทำทุกสิ่งเพื่อให้เขาเห็นค่าของฉัน แต่ฉันกลับพบว่ายิ่งทุ่มเททำเพื่อเขามากเท่าไหร่
มันกลับทำให้ฉันทุกข์มากเท่านั้น เมื่อเขาไม่เคยเห็นคุณค่าของการกระทำของฉันเลย
ฉันจึงพยายามทำใจเลิกคิดหวังถึงความรู้สึกดีๆ ที่ไม่มีวันได้รับจากเขา
แต่เหมือนว่ายิ่งฉันพยายามยับยั้งใจมากเท่าไหร่
ความทุกข์ที่เกิดก็ไม่มีวีแววว่าจะลดน้องลง ฉันเพิ่งได้เรียนรู้ภายหลังว่าสิ่งที่ทำให้ฉันมีความทุกข์นั้น
คือความหวังและการปรารถนาความรู้สึกดีๆ จากเขาเป็นการตอบแทน
เมื่อเป็นเช่นนี้ฉันจึงลดความหวังและเปลี่ยนความคิดใหม่ว่า
ความรักไม่ใช่เรื่องของการให้แล้วจำเป็นต้องได้รับเสมอไป
แอบรักเพื่อน
ครีม
สาวน้อยผู้เหนียมอายมักจะมีความสุขกับการได้เขียนไดอารีบันทึกความทรงจำ
ทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของครีมจะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นถ่อยคำที่เรียบเรียงกันอย่างปราณีต
และหนึ่งในเรื่องราวนั้นก็มีเรื่องของเฟีย หนุ่มที่ครีมหลงรักมานาน
ครีมไม่เคยปริปากหรือแสดงอาการให้เฟียรู้เลยว่าเธอแอบรักมากแค่ไหนแม้กระทั่งเพื่อนสนิทของเธอก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน
ทุกครั้งที่ครีมได้พบกับเฟีย เธอรู้สึกตื่นเต้นและดีใจจนทำตัวไม่ถูก
เธออยากจะเข้าไปพูดคุยกับเขาเหลือเกิน
แต่เธอเองไม่กล้าจึงได้แต่ยืนเงียบและยิ้มรับเท่านั้น วันเวลาผ่านไปหลายปี
ความรักที่เธอมีต่อเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ครีมรู้สึกอึดอัดและทุกข์ใจอย่างมากที่ต้องทนเก็บความรู้สึกนั้นไว้เพียงคนเดียว
ครีมไม่กล้าบอกความในใจกับเฟีย เพราะกลัวว่าเขาจะปฏิเสธเธอ
และกลัวว่าความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไป ครีมได้แต่ระบายความรู้สึกออกมาเป็นตัวหนังสือเท่านั้น
แต่ยิ่งเธอเขียนมากเท่าไหร่
เธอพบว่ามันไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขเหมือนกับเรื่องราวอื่นๆ ที่เธอเคยเขียนมา
กระดาษแต่ละหน้าที่เธอเขียนเกี่ยวกับเฟียนั้นจะมีคราบน้ำตาติดมาทุกครั้ง
ครีมเคยคิดจะหยุดเขียนและตัดใจจากเฟีย แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่สามารถทำได้
เธอรู้สึกว่าในชีวิตของเธอไม่มีความสุขเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ เลย
เมื่อเธอไม่สามารถหาความสุขจากโลกแห่งความเป็นจริงได้
เธอจึงเริ่มสร้างภาพฝันระหว่างเธอกับเขาขึ้นมา ครีมมีความสุขกับความฝันนั้นมาก
แต่ทุกครั้งที่ลืมตาเธอก็ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า
เธอกับเขายังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจนกระทั่งวันหนึ่ง โดนัท
เพื่อนสนิทของเธอมาหาเธอที่บ้าน เธอจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับโดนัทฟัง
โดนัทได้บอกให้ครีมพูดความในใจกับเฟียไปซะ
ความรู้สึกที่อึดอัดและความทุกข์จะได้หายไปเสียที ครั้งแรกครีมปฏิเสธที่จะทำตาม
เพราะครีมไม่รู้ว่าการที่เธอบอกความรู้สึกกับเฟียนั้น
จะทำให้เธอหมดทุกข์หรือยิ่งทุกข์หนักกว่าเก่ากันแน่
แต่สุดท้ายครีมก็ยอมบอกความในใจกับเฟีย ครีมรวบรวมความกล้าเดินหน้าเข้าไปหาเฟีย ณ
ตอนนั้นเธอพร้อมที่จะยอมรับคำตอบของเขา เธอคิดว่ามันน่าจะถึงเวลาแล้วที่เธอจะบอกความในใจกับคนที่เธอรัก
ดีกว่าจะมานั่งเสียใจภายหลังไม่ได้บอกความรู้สึกออกไป เธอพูดคุยกับเฟียสักพักใหญ่
แล้วเธอก็เดินจากมาด้วยสีหน้าและรอยยิ้มอย่างมีความสุข
ไม่มีใครรู้เลยว่าเฟียปฏิเสธหรือยอมรับรักครีม แต่ที่แน่ๆ เธอกลับมีความสุขที่ได้เปิดเผยความในใจกับคนที่เธอแอบรัก
ถึงตอนนี้เธอได้รู้ความจริงแล้วว่า
ความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ว่าเฟียจะรับรักเธอหรือไม่
แต่อยู่ที่เธอได้บอกความรู้สึกดีๆ กับเขาต่างหาก
ใครหลายคนอาจประสบพบเจอกับเหตุการณ์เช่นเดียวกับครีมแต่จะมีสักกี่คนที่กล้าเปิดเผยความในใจกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น
เพื่อน มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายดายนักที่จะเอ่ยความรู้สึกนั้นออกไป
และมันก็เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้หากเราจะแอบรักเพื่อนตัวเอง
ทางออกของปัญหาอาจมีอยู่แค่สองทางคือ หนึ่ง ยอมปิดบังความรู้สึกนั้นไว้
เพราะกลัวคำตอบจะทำให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนไป สอง
ยอมเปิดเผยความในใจโดยไม่หวังว่าคำตอบจะออกมาเป็นอย่างไร
ไม่ว่าเราจะเลือกแก้ปัญหาด้วยวิธีใด
เราต้องแน่ใจเสียก่อนว่าวิธีนั้นจะทำให้เราพบกับความสุขอย่างแท้จริง
บางคนอาจไม่ต้องการอะไรมากมาย
แค่ได้แอบรักและเก็บความรู้สึกนั้นไว้ก็เพียงพอที่จะทำให้มีความสุข
ขณะที่ความสุขของใครบางคนอาจเป็นการเปิดเผยความในใจออกไป แต่อย่างไรซะ
หากเราเลือกที่จะเปิดเผยความในใจกับคนที่เราแอบรัก
เราก็ต้องยอมเสี่ยงกับความผิดหวัง หากคำตอบคือ ใช่
มันก้เป็นการคุ้มค่าที่บอกความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แต่หากคำตอบคือ ไม่ เราก็ต้องยอมรับกับคำตอบนั้น
และปล่อยให้ความสัมพันธ์แบบเพื่อนดำเนินต่อไป คำว่า เพื่อน
นั้นยิ่งใหญ่ไม่แพ้คำว่า คู่รัก หากเรารู้จักถนอมมิตรภาพให้ยาวนาน
ก็ไม่มีอะไรมาพรากความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันได้
อ้างอิงผู้แต่ง อักษรภัค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น